หนัง War สงคราม คือ สงครามเป็นหัวข้อที่ได้รับความนิยมสำหรับภาพยนตร์มาตั้งแต่มีการประดิษฐ์สื่อนี้ขึ้นในช่วงปลายทศวรรษปี 1800 แต่ไม่มีภาพยนตร์สงครามประเภทเดียวที่มีลักษณะเฉพาะ เนื่องจากหมวดหมู่ภาพยนตร์ครอบคลุมเรื่องราวเกี่ยวกับความขัดแย้งที่ถ่ายทำขึ้นหลายประเภทสงครามนโปเลียนเป็นหัวข้อของละครชุด สงครามชายแดนในหนังคาวบอยเป็นการต่อสู้ระหว่างคาวบอยกับอินเดียนแดงStar Wars (1977) นำเสนอความขัดแย้งระหว่างกาแล็กซีในจินตนาการในโลกแห่งนิยายวิทยาศาสตร์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ใช้สงครามเป็นอุปมาอุปไมย: The War of the Roses (1989) เป็นภาพยนตร์ตลกเกี่ยวกับคู่สามีภรรยาที่ทะเลาะกัน ในขณะที่Used Cars (1980) เป็น “สงคราม” ระหว่างลานจอดรถคู่แข่งสองแห่ง สงครามบนจอบางเรื่องไม่เคยชนะ: Wile E. Coyote และ Road Runner อยู่ในความขัดแย้งแบบตลกขบขันในภาพยนตร์การ์ตูนตลอดไป
ภาพยนตร์ที่เรียกว่า “ภาพยนตร์สงคราม” ไม่ได้สะท้อนทัศนคติหรือจุดประสงค์เดียว อาจเป็นภาพยนตร์ต่อต้านสงคราม ( All Quiet on the Western Front 1930) หรือภาพยนตร์สนับสนุนสงคราม ( Bataan 1943) How I Won the War (1967) เป็นภาพยนตร์ตลกเสียดสีและเสียดสีเกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1แต่The Big Parade (1925) เล่าเรื่องราวโศกนาฏกรรมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชีวิตส่วนตัวของชายคนหนึ่งThe Green Berets (1968) เป็นภาพยนตร์ที่เฉลิมฉลอง กองกำลังพิเศษของสหรัฐฯและบทบาทของพวกเขาในเวียดนามอย่างสุดเหวี่ยง แต่Platoon (1986) นำเสนอชีวิตของทหารในสงครามนั้นในรูปแบบจักรวาลที่แทบจะบ้าคลั่ง ความนิยมของภาพยนตร์สงครามและสงครามในฐานะหัวข้อในภาพยนตร์นั้นพิสูจน์ได้จากสองปัจจัย
การรับรู้ทางศิลปะที่สะท้อนให้เห็นใน Academy Awards ®สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และรายได้ที่บ็อกซ์ออฟฟิศ ภาพยนตร์สงครามที่ได้รับรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่Wings (1927) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลดังกล่าวเป็นครั้งแรกAll Quiet on the Western Front Patton (1970) ซึ่งเป็นชีวประวัติของ นาย พลจอร์จ เอส. แพตตันแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 The Deer Hunter (1978) ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เล่าถึงชีวิตของคนงานเหล็กหนุ่มก่อน ระหว่าง และหลังการสู้รบในเวียดนาม และPlatoonซึ่งเป็นเรื่องราวจากมุม มองของทหารราบในเวียดนามโดย Oliver Stone (เกิดในปี 1946) อดีตทหารผ่านศึก ภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลออสการ์ ® เรื่อง อื่นๆที่มีเรื่องราวเกี่ยวข้องกับสงคราม ได้แก่Gone with the Wind (1939), From Here to Eternity (1953), The Bridge on the River Kwai (1957), Lawrence of Arabia (1962), Braveheart (1995), Mrs. Miniver (1942), Casablanca (1942), The Best Years of Our Lives (1946) และSchindler’s List (1993) เนื่องจากภาพยนตร์เหล่านี้สร้างจากเรื่องจริงและมักมีนักแสดงชื่อดังร่วมแสดงและมีฉากแอ็กชั่นที่น่าตื่นเต้น
[read more]
Adam Driver รับบทบาทแสดงในภาพยนตร์แนวไซไฟ ในภาพยนตร์ “65” ของสองผู้กำกับ Scott Beck และ Bryan Woods ที่เคยฝากผลงานไว้กับการเขียนบทภาพยนตร์สยองขวัญเรื่องเยี่ยมอย่าง The Quiet Place (2018) โดย อดัม ไดรเวอร์ รับบทบาท ในฐานะนักบินอวกาศที่ออกสำรวจดาวเคราะห์ลึกลับพร้อมกับเด็กสาวที่รับบทโดย Ariana Greenblatt (Avengers: Infinity War) ซึ่งในตัวอย่างยังเผยให้เห็นถึงการที่ตัวละครหลักทั้งสองต้องพยายามหลบหนีจากสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายกับไดโนเสาร์
The Last Kingdom Seven Kings Must Die (2023) เจ็ดกษัตริย์จักวายชนม์
อเล็กซานเดอร์ เดรย์มอนกลับมารับบทอูเทร็ดแห่งเบบบันเบิร์ก นักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่ต้องท่องอาณาจักรที่แตกแยกอีกครั้งกับตัวละครเดิมๆ ในซีรีส์ที่ทุกคนชื่นชอบ พวกเขาต้องร่วมรบและต่อสู้กับพันธมิตรและศัตรูใหม่ ศึกชิงบัลลังก์ปะทุขึ้นหลังการสวรรคตของกษัตริย์เอ็ดเวิร์ด ขณะที่ทายาทคู่แข่งและผู้รุกรานต่างแก่งแย่งอำนาจกัน และเมื่อพันธมิตรรายหนึ่งมาขอให้อูเทร็ดช่วยลงมือตามแผนที่วางไว้ อูเทร็ดจึงต้องเลือกระหว่างผู้คนที่เขาห่วงใยที่สุด กับความฝันที่จะรวมชาติอังกฤษให้เป็นหนึ่งเดียว
บนโลกที่ย่อยยับในอนาคตอันใกล้ นักวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นกลไกสำคัญในการยุติสงครามกลางเมือง ด้วยการโคลนมันสมองของสุดยอดนักรบ… ซึ่งเป็นแม่เธอเอง “หลังโลกแหลกสลายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งรุนแรง มวลมนุษยชาติจึงต้องอพยพไปอยู่ตามเชลเตอร์ใหม่ในอวกาศ สงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นที่นั่นยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษ ยุนจองอี (คิมฮยอนจู) กลายเป็นทหารรับจ้างและนักยุทธศาสตร์ในตำนานที่คว้าชัยชนะมานับไม่ถ้วน แต่เมื่อเธอทำภารกิจหนึ่งล้มเหลวจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา โครนอยด์ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เพื่อการทหารจึงพยายามสร้างสุดยอดนักรบด้วยการโคลนสมองของเธอ”
Transformers One (2024) ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 1
เรื่องราวต้นกำเนิดที่ยังไม่ได้บอกเล่าของ Optimus Prime และ Megatron ซึ่งรู้จักกันดีในนามศัตรูที่สาบาน แต่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนที่ผูกพันกันเหมือนพี่น้องที่เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของ Cybertron ไปตลอดกาล
มาที่รวมหนังสงครามหมวดแรกที่หลายคนน่าจะสนใจ เพราะนอกจากจะได้ดูฉากแอคชั่นแล้ว จะได้ดูและเรียนประวัติศาสตร์กันไปด้วย หนังสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 นั่นเองค่ะ มีทั้งหนังคลาสสิกและหนังที่เพิ่งเข้าโรงได้ไม่นาน สามารถดูไล่ตามไทม์ไลน์นี้จะตรงกับช่วงเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์พอดีพร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
อีกหนึ่งมุมของสงครามโลกครั้งที่ 1 ถ่ายทอดโดย “แซม เมนเดส” ผู้กำกับ “Skyfall” แชม เมนเดส ผู้กำกับรางวัลออสการ์ที่เคยมีผลงานอย่าง Skyfall, Spectre และ American Beauty นำเสนอมุมมองที่แตกต่างในภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 ในภาพยนตร์ 1917 โดยได้ โรเจอร์ ดีกินส์ ผู้กำกับภาพเจ้าของรางวัลออสการ์ รับหน้าที่ผู้กำกับภาพ ภาพยนตร์ถ่ายทอดมุมมองของสงครามโดยใช้การเล่าเรื่องราวแบบเรียลไทม์ เป็นภาพยนตร์เล่าเรื่องแบบช็อตเดีย
โดยปกติหนังสงครามจะมีเรื่องจริงเป็นส่วนหนึ่งอยู่แล้ว แต่เราขอยกลิสต์รวมหนังสงครามอีก 4 เรื่องที่หยิบเอาเรื่องจริงเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงสงครามมาตีแผ่เป็นหนังได้อย่างน่าสนใจ โดยที่เราหยิบมาแนะนำนี้เป็นหนังคลาสสิกที่มีหลากหลายแง่มุม หลากหลายสงคราม ไม่ว่าจะเป็นฝั่งเอเชีย ฝั่งยุโรป หรืออเมริกา ไปดูกันเลยว่าจะมีเรื่องอะไรบ้าง
ภาพยนตร์เกี่ยวกับสงครามเวียดนามของฮอลลีวู้ด ได้รับการถ่ายทำกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันในช่วงที่สงครามจบลงมาได้ 10 กว่าปี นักสร้างหนังหลายคนได้ถ่ายทอดเรื่องราวของสงครามเวียดนามในรูปแบบที่แตกต่างไปจากเรื่องกรีนต์ แบเร่ ได้นำเสนอเอาไว้ในช่วงที่อเมริกาได้เข้าร่วมสงครามใหม่ๆ และไม่ได้โม้ใส่ไข่แบบแรมโบ้ที่ซิลเวสเตอร์ สตอลโลนได้สร้างประวัติศาสตร์เอาไว้ ตัวหนังเปิดตัวด้วยทหารอเมริกันกลุ่มหนึ่งที่พึ่งเข้าประจำการในเวียดนาม พวกเขาต่างเป็นเด็กหนุ่มที่เพิ่งเริ่มใช้ชีวิต การเดินเรื่องเป็นไปตามคำบอกเล่าของคริส เทเลอร์ (ชาร์ลี ชีน) พลทหารใหม่เป็นหลัก บุคลิกของคริสนั้นเปรียบได้กับเด็กไร้เดียงสาที่เพิ่งรู้ความ จำเป็นต้องได้รับการประคับประคองจากพวกผู้ใหญ่นั่นคือ ทหารเก่าผู้เจนศึก หรืออาจเปรียบได้กับพนักงานทดลองงานที่ต้องการคำชี้แนะจากผู้จัดการอีกมาก
ในขณะที่กองกำลังในหน่วยที่พลทหารคริสเข้าประจำการนั้น มีแต่กลุ่มคนระดับล่างในสังคมอเมริกันทั้งนั้น และส่วนใหญ่มาจากเมืองที่แม้แต่คนอเมริกันเองยังไม่รู้จัก หรือรัฐที่แทบจะถูกลืม พลทหารใหม่ คริส ได้ถูกส่งมาประจำการ… ที่หน่วยรบ กองร้อยบราโว ทหารราบที่ 25 เดือนกันยายน 1967 ร่วมรบในสงครามเวียตนามใกล้ชายแดนเขมร ตลอดเส้นทางถูกพวกเวียดกงซุ่มโจมตีบ่อยครั้งทำให้ทหารบาดเจ็บล้มตายมากขึ้น สร้างความกดดันให้กับสิบเอกบาร์นถึงกับทำร้าย ชาวบ้าน สตรี เด็ก ที่บริสุทธ์ และ เผาทำลายบ้านคิดว่าเป็นสายให้พวกเวียดกง แน่นอนสร้างความไม่พอใจให้กับสิบเอกอีเลียตเข้าห้ามปรามตบด้วยพานท้ายปืนจน บาร์นบาดเจ็บถึงกับคำรามด้วยความแค้นว่าอีเลียต
อีกหนึ่งภูมิภาคที่มีสงครามกันอยู่บ่อย ๆ ก็คือตะวันออกกลาง หนังสงครามตะวันออกกลางมีหลายรูปแบบ หลายประเทศ บางครั้งออกมาในลักษณะของหนังกึ่งสารคดี หรือบางครั้งก็ตีแผ่ผ่านมุมของทหารอเมริกัน ใครที่ยังพอจำเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่เกี่ยวกับสงครามตะวันออกกลางได้ เช่น เหตุการณ์ 911 มีในลิสต์รวมหนังสงครามของเราด้วยนะ
American Sniper (2014) สไนเปอร์โคตรพระกาฬ
ความแม่นยำของคริส ไคล์ มือปืนหน่วยซีลของกองทัพเรือช่วยชีวิตผู้คนนับไม่ถ้วนบนสนามรบและทำให้เขากลายเป็นตำนาน อย่างไรก็ตาม คริสกลับถึงบ้านกับครอบครัวหลังจากปฏิบัติหน้าที่มาสี่ครั้ง พบว่าสงครามคือสงครามที่เขาไม่อาจทิ้งไว้ข้างหลังได้ คริส ไคล์ (แบรดลีย์ คูเปอร์) เป็นเพียงแค่ชายชาวเท็กซัสผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นคาวบอย แต่เมื่ออายุได้ 30 กว่า เขาก็ได้ค้นพบว่าบางทีชีวิตของเขาอาจต้องการอะไรที่แตกต่างออกไป บางอย่างที่เขาสามารถแสดงความสามารถที่แท้จริงของเขาออกมาได้ บางอย่างที่สามารถช่วยอเมริกาในการต่อสู้กับการก่อการร้ายได้ ดังนั้น เขาจึงเข้าร่วมหน่วยซีลเพื่อที่จะเป็นมือปืน หลังจากแต่งงานกับทาย่า (เซียนน่า มิลเลอร์) ไคล์และสมาชิกคนอื่นๆ ในทีมก็ถูกเรียกตัวไปประจำการในอิรักเป็นครั้งแรก
การต่อสู้ของไคล์ไม่ได้อยู่ที่ภารกิจของเขา แต่เป็นเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับความเป็นจริงของสงคราม และเมื่อกลับถึงบ้าน เขาจัดการชีวิตในเมือง ภรรยา และลูกๆ ของเขาอย่างไร คริส ไคล์ (แบรดลีย์ คูเปอร์) ชาวเท็กซัสเป็นมือปืนฝีมือดีมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้น เขาตัดสินใจเข้าร่วมหน่วยซีลเพื่อเป็นมือปืน ขณะเดียวกัน เขาได้พบกับทาย่า (เซียนน่า มิลเลอร์) สาวสวยในบาร์ และไม่นานพวกเขาก็แต่งงานกันและมีลูกสองคน เขาเดินทางไปอิรักถึงสี่ครั้ง และระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ เขาปกป้องทหารอเมริกันด้วยการยิงที่แม่นยำ และกลายเป็นตำนาน อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เขากลับบ้าน เขามักจะมีปัญหากับการปรับตัวเข้ากับครอบครัวและชีวิตทางสังคม
มาที่อีกหนึ่งแนวของหนังสงครามที่จะทำให้เราดูการต่อสู้ได้แบบไม่น่าเบื่อ ก็คือหนังสงครามที่ผสมผสานความเป็นแอคชั่นและวิทยาศาสตร์ แน่นอนว่าหนังเหล่านี้โดยส่วนใหญ่ไม่ได้สร้างจากเรื่องจริง เพราะใส่ความเป็นโลกอนาคตลงไปสูง เน้นความตื่นตาตื่นใจมากกว่า สำหรับใครที่ชอบดูความตื่นตาตื่นใจของฉากแอคชั่นหรือกราฟิกอลังการ ๆ ก็ต้องไม่พลาดหมวดนี้
Divergent (2014) ไดเวอร์เจนท์ คนแยกโลก
เนื้อเรื่องกล่าวถึงเมืองชิคาโกที่กลายสภาพเป็นสังคมดิสโทเปียหลังการล่มสลายของอารยธรรมเดิม ในอารยธรรมที่ถูกดำเนินโดยสังคมแบบใหม่นี้ ผู้คนในเมืองจะถูกแบ่งแยกออกเป็น 5 กลุ่มแตกต่างกันขึ้นอยู่กับบุคลิกและความสามารถของแต่ละคน โดยแต่ละคนจะต้องเข้ารับการทดสอบเพื่อเข้ากลุ่มเมื่ออายุ 16 ปี ซึ่งผลจากการทดสอบบ่งบอกว่า เบียทริซ ไพรเออร์ เป็นผู้หญิงที่สามารถเข้าได้หลายกลุ่มแต่ไม่สามารถเลือกอยู่ในกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งได้ จึงถูกจัดเป็นคนไร้กลุ่ม หรือ “ไดเวอร์เจนท์” ที่ชนชั้นปกครองอยากกำจัดเพราะปกครองยาก เธอจึงเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับและเข้าไปอยู่ในกลุ่มผู้กล้า โดยต้องตัดขาดจากครอบครัว ในเวลาต่อมาเธอรับรู้ถึงแผนร้ายกำลังก่อตัวขึ้นในสังคมที่ดูสมบูรณ์แบบ
หนังสงครามหมวดสุดท้ายที่ขยับเข้ามาใกล้ตัวเราอีกนิด นอกจากสงครามโลกที่มีชาติในเอเชียไปร่วมด้วยแล้ว ในประวัติศาสตร์ก็ยังปรากฏสงครามระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียด้วยกันเองอยู่มาก โดยที่เราหยิบยกมาแนะนำกันเป็นประเด็นฮิตที่หลายคนน่าจะอยากติดตาม ได้แก่ เกาหลีเหนือ-ใต้ และหนังสงครามแนวประวัติศาสตร์ของฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ที่ผลิตหนังสงครามออกมาบ่อย ๆ
Midway (1976) ยุทธภูมิ มิดเวย์
ในปี 1942 หลังจากเหตุการณ์โจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ญี่ปุ่นพยายามขยายอิทธิพลในมหาสมุทรแปซิฟิกโดยวางแผนยึดครองเกาะมิดเวย์ กองทัพสหรัฐฯ ที่นำโดย พลเรือเอก เชสเตอร์ นิมิตซ์ (Charlton Heston) ต้องวางกลยุทธ์เพื่อป้องกันและตอบโต้การรุกของญี่ปุ่น ด้วยความช่วยเหลือจากการถอดรหัสลับทางทหารของญี่ปุ่น สหรัฐฯ สามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของกองเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นที่นำโดย พลเรือเอก อิโซโรกุ ยามาโมโตะ (Toshirō Mifune) และตัดสินใจใช้กองเรือบรรทุกเครื่องบินตอบโต้ การสู้รบที่ดุเดือดเกิดขึ้นกลางมหาสมุทรแปซิฟิก โดยเครื่องบินของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกันอย่างหนัก การยุทธครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสหรัฐฯ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของสงครามในมหาสมุทรแปซิฟิก กองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นต้องสูญเสียเรือบรรทุกเครื่องบินหลายลำ ทำให้กำลังรบของพวกเขาอ่อนแอลง และเปลี่ยนสมดุลของสงครามไปตลอดกาล
หนังสงครามมักจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความกล้าหาญ และความสละสุขของเหล่าทหารและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ หนังประเภทนี้สามารถทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงในระดับสูง และยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความสูญเสีย ความกล้าหาญ และความหมายของความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด หนึ่งในความน่าสนใจของหนังสงครามคือการที่สามารถทำให้ผู้ชมได้สัมผัสกับความลึกของตัวละครและเรื่องราวที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ระหว่างทหาร ความขัดแย้งที่ซับซ้อน หรือการพัฒนาของตัวละครที่ทำให้ผู้ชมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาในแต่ละเรื่อง ในปี 2025 นี้ มีหนังสงครามมากมายที่น่าสนใจและน่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นหนังที่พาผู้ชมไปสู่การต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง
หนังที่พาผู้ชมไปสู่การต่อสู้ในสงครามเกาหลี หรือหนังที่พาผู้ชมไปสู่การต่อสู้ในสงครามเวียดนาม หนังเหล่านี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความกล้าหาญ และความสละสุขของเหล่าทหาร ทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงในระดับสูง และยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความสูญเสียและความหมายของความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด หนังสงครามในปี 2025 ยังมีความหลากหลายในเรื่องราวและประเด็นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นหนังที่พาผู้ชมไปสู่การต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง หนังที่พาผู้ชมไปสู่การต่อสู้ในสงครามเกาหลี หรือหนังที่พาผู้ชมไปสู่การต่อสู้ในสงครามเวียดนาม หนังเหล่านี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความกล้าหาญ และความสละสุขของเหล่าทหาร ทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงในระดับสูง และยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความสูญเสีย
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นสถานที่ในฝันของผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ เพราะมีสภาพบ้านเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ วัฒนธรรมที่หลากหลาย และภูมิทัศน์ที่งดงามของป่าทึบและชายหาดที่บริสุทธิ์ ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมภาพยนตร์ดังๆ หลายเรื่องมาถ่ายทำกันที่นี่ ภาพยนตร์ดัง ที่เราจะกล่าวถึงนั้นได้รับความสนใจจากผู้ที่อยากจะมาเที่ยวในภูมิภาคนี้ ไม่ว่าจะเป็นแบ็คแพ็คเกอร์หรือนักประวัติศาสตร์ นี่คือภาพยนตร์ฮิต 5 เรื่องที่ถ่ายทำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เราคัดสรรมาให้คุณ
Good Morning Vietnam (1987) ดีเจเสียงใส ขวัญใจทหารหาญ
นี่คือเรื่องเด่นของ Robin Williams: ช่างพูด บ้าบอ และสามารถด้นสดได้อย่างดีเยี่ยม เขารับบทเป็น Adrian Cronauer ดีเจในช่วงสงครามเวียดนาม ที่ได้รับมอบหมายให้สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ทหารในกองทัพที่ประจำการรบในไซ่ง่อนปี 1965 รายการของเขาได้รับความนิยมในหมู่ทหารและชาวบ้าน Cronauer จึงเริ่มใช้ความดังของเขาเผยความจริงที่โหดร้ายเกี่ยวกับสงคราม ทั้งตลกและเจ็บปวด Good Morning, Vietnam เป็นผลงานการแสดงที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของ Robin Williams แม้จะไม่ได้ถ่ายทำในเวียดนาม แต่ภาพยนตร์ก็ให้อารมณ์ที่สื่อถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เป็นอย่างดี ฉากส่วนใหญ่ถ่ายทำในกรุงเทพฯ และจังหวัดภูเก็ต
หนึ่งในนิยายที่อยู่ในความทรงจำของคนไทยมาอย่างยาวนานที่มีฉากหลังอยู่ในช่วงเวลาของสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ประเทศไทยมีส่วนเกี่ยวข้องในสงครามครั้งนี้ด้วย แม้เนื้อหาหลัก ๆ จะเป็นเรื่องความรักของหนุ่มสาวต่างเชื้อชาติที่มีเรื่องราวของการเมืองและสงครามเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผู้ชมก็จะได้รับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคนั้น โดยสงครามได้เริ่มขึ้นในทวีปยุโรป กองทัพนาซีเยอรมันเปิดศึกกับฝรั่งเศสและอังกฤษ ขณะที่เอเชียกองทัพญี่ปุ่นได้เข้ารุกรานจีน ซึ่งทางไทยเป็นเพียงทางผ่านของญี่ปุ่นเพื่อเข้าพม่าและไปต่อยังอินเดีย ที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2484 (ค.ศ. 1941) คือวันที่ญี่ปุ่นเคลื่อนทัพสู่ประเทศไทยนั่นเอง หนังถูกสร้างมาแล้วหลายเวอร์ชั่นทั้งหนังและละคร
หนังสงครามเป็นประเภทภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวของความกล้าหาญ ความสละสุข และความสูญเสียในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดของมนุษย์ หนังประเภทนี้ไม่เพียงแต่เป็นความบันเทิงที่เต็มไปด้วยฉากแอคชั่นสุดตื่นเต้น แต่ยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความหมายของชีวิต ความสัมพันธ์ และความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด หนังสงครามมักจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความกล้าหาญ และความสละสุขของเหล่าทหารและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง การต่อสู้ในสงครามเกาหลี หรือการต่อสู้ในสงครามเวียดนาม หนังประเภทนี้สามารถทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงในระดับสูง และยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความสูญเสีย ความกล้าหาญ และความหมายของความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด หนังสงครามยังสามารถทำให้ผู้ชมได้เรียนรู้ถึงความซับซ้อนของความสูญเสียและความกล้าหาญ
ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความหวัง ความเศร้า หรือความสุข หนังประเภทนี้มักจะใช้ความสูญเสียและความกล้าหาญเป็นเครื่องมือในการสื่อความหมาย และทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงอารมณ์ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง หนังสงครามที่น่าจดจำ เช่น Saving Private Ryan (1998) พาผู้ชมไปสู่การต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่สอง หนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความกล้าหาญ และความสละสุขของเหล่าทหาร ทำให้ผู้ชมได้รับความบันเทิงในระดับสูง และยังสามารถสื่อความหมายลึกซึ้งเกี่ยวกับความสูญเสียและความหมายของความเป็นมนุษย์ในช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุด หนังสงครามไม่เพียงแต่เป็นความบันเทิง แต่เป็นการสื่อความหมายที่ลึกซึ้งและน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความหวัง ความเศร้า หรือความสุข หนังสงครามคือสิ่งที่สามารถพาผู้ชมไปสู่ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร และทำให้ผู้ชมรู้สึกถึงอารมณ์ของตัวละครอย่างลึกซึ้ง
Fury (2014)
หนังสงครามที่เล่าเรื่องผ่านทหารประจำรถถังของพันธมิตรคันหนึ่งที่ฝ่าแนวตั้งรับของนาซีเข้าไปในแดนของข้าศึกเพื่อเปิดทางสู่การบุกเยอรมนีในช่วงวันสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องราวของจ่า Don ‘Wardaddy’ Collier ที่ได้รับคำสั่งให้บัญชาการรถถังเชอร์แมนของเขา พร้อมทหารรถถัง 5 นาย บุกทะลวงสู่แดนข้าศึกซึ่งเป็นภารกิจลุยเดี่ยวเพื่อเปิดทางในการบุกสู่ใจกลางฐานทัพของนาซีเยอรมัน และพบว่าต้องเจอกับข้าศึกที่มีจำนวนมากกว่าพวกเขา ในบรรดาห้าทหารรถถังของเขา มีพลยิงนายใหม่ประจำรถถังที่ชื่อ Norman Ellison เขาไม่เคยฆ่าคน และจำเป็นต้องเรียนรู้เพื่อให้ทั้งหมดรอดตายจากสงครามที่ไม่ง่ายที่จะเป็นอย่างนั้น Fury ถือเป็นหนังสงครามเรื่องแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการใช้รถถังจริงมาเข้าฉากกว่า 60 คัน โดยรถถังหลักที่ชื่อฟิวรี่ชื่อเดียวกับหนัง ทีมงานได้รับอนุญาตจากพิพิธภัณฑ์โบวิงตัน ให้นำรถถังรุ่น M4A2 76mm HVSS ที่ยังใช้งานได้มาถ่ายทำในหนัง และรวมถึง รถถังไทเกอร์ II ของกองทัพเยอรมัน ก็ได้รับอนุญาตให้ใช้โดยพิพิธภัณฑ์เช่นกัน ผู้กำกับอยากทำหนังรถถังที่ยอดเยี่ยมที่สุด ถึงขนาดที่ถ้ามีคนพูดถึงหนังสงครามที่มีรถถังจะต้องนึกถึง Fury เป็นเรื่องแรก
นักแสดง: Brad Pitt, Shia LaBeouf, Logan Lerman, Jon Bernthal, Michael Peña
ผู้กำกับ: David Ayer (Suicide Squad, End of Watch, Bright)
ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 68 / 85 / 211
อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 772
Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 76% / 7.6/10
บทบาทบนเวทีออสการ์: ไม่มี
The English Patient (1996)
เรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของผู้คนในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ สมรภูมิแถบแอฟริกาเหนือและอิตาลี ภาพยนตร์เปิดเรื่องด้วยฉากเครื่องบินเล็กของอังกฤษตกกลางทะเลทรายซาฮารา เพราะถูกเหล่าทหารเยอรมันที่ซุ่มอยู่ยิงตก คนในเครื่องบินดูเหมือนจะมีสองคนแต่ผู้หญิงที่นั่งอยู่ในส่วนผู้โดยสารตอนหน้านั้นคงจะเสียชีวิตไปแล้ว ชายคนขับเครื่องบินพยายามดึงเธอออกมาแม้ว่าตัวเขาก็ดูเหมือนจะไม่รอดเพราะถูกไฟคลอกอยู่ สุดท้ายเครื่องบินที่ตกก็มีเหล่าเบดูอินกลุ่มหนึ่งมาพบและทำการแยกชิ้นส่วนที่พอจะขายหรือทำประโยชน์ได้ออกไป ชายคนขับเครื่องบินรอดชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็ถูกไฟคลอกจนผิวหนังชั้นนอกถูกทำลายไปหมดสิ้น เขาได้รับความช่วยเหลือจากเบดูอินเหล่านั้นและได้รับการรักษาตามแบบชาวทะเลทรายโบราณ เขาถูกส่งตัวให้กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรในอิตาลี แม้จะได้รับการรักษาจนบาดแผลหายแล้วแต่เขาก็จดจำอะไรไม่ได้ ใบหน้าที่ถูกไฟคลอกไปมีเนื้อเกิดใหม่ที่ผิดรูปร่างจนจำไม่ได้ว่าเป็นใคร เมื่อทหารฝ่ายสัมพันธมิตรมาขอข้อมูล เขาก็ให้ได้เพียงแค่ว่าเขาอาจจะเป็นนักบิน
เพราะเขาถูกพบในซากเครื่องบินเขาไม่รู้ชื่อตัวเอง และไม่รู้ว่าตนเกิดที่ไหน รู้แต่ไม่ใช่คนเยอรมัน และยังจำได้อีกเพียงบางสิ่งที่เกี่ยวหญิงที่เขาเชื่อว่าเป็นภรรยาของเขาเท่านั้น เขาจึงถูกเรียกว่า “คนไข้ชาวอังกฤษ” (ชื่อหนัง) ที่หน่วยพยาบาลนั้น เขาได้รับการดูแลจาก Hana พยาบาลสาวชาวฝรั่งเศส-แคนเนเดี่ยน ผู้ซึ่งก่อนหน้านี้เพิ่งจะได้รับข่าวร้ายจากทหารที่กำลังจะตายว่าคนรักของเธอที่ถูกส่งไปรบที่เดียวกับทหารคนนั้นถูกยิงตายไปแล้ว ตกอยู่ในภาวะจิตตก เธอเชื่อว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเธอถูกสาปมาให้คนที่เธอรักต้องตายไปทุกคน แต่เธอก็ได้กำลังใจจาก”คนไข้ชาวอังกฤษ” คนนั้น เมื่อ Hana เห็นว่าคนไข้ของเธอไม่สามารถเดินทางด้วยรถยนต์ได้อีกต่อไป เธอจึงยืนยันที่จะอยู่พยาบาลเขาที่สำนักชีร้างแถวนั้นจนกว่าเขาจะตาย แม้บรรดาแพทย์สนามและเพื่อนพยาบาลจะห้ามปราม เธอยืนยันว่าหากคนไข้คนนี้ตาย เธอจะตามไปทันที ระหว่างนั้นทั้งคนไข้ชาวอังกฤษและ Hana ก็ค่อย ๆ ฟื้นความทรงจำของเขาได้ และเหมือนจะมีความลับดำมืดบางอย่างที่ค่อย ๆ เผยตัวจากการถูกซ่อนจากความทรงจำของชายคนนี้
นักแสดง: Ralph Fiennes, Juliette Binoche, Willem Dafoe, Colin Firth, Kristin Scott Thomas
ผู้กำกับ: Anthony Minghella (Truly Madly Deeply, The Talented Mr. Ripley, Cold Mountain)
ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 27 / 78 / 231 ล้านเหรียญฯ
อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 676
Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 85% / 7.4/10
บทบาทบนเวทีออสการ์:
ชนะ 9 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Juliette Binoche), ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, องค์ประกอบหญิงยอดเยี่ยม, ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)
เข้าชิง 3 สาขารางวัล (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Ralph Fiennes), นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม (Ralph Fiennes), บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม)
Inglourious Basterds (2009)
หนึ่งในหนังสุดแสบของผู้กำกับสุดจี๊ดอย่าง Quentin Tarantino ซึ่งได้รับการยอมรับในวงกว้างแล้วเมื่อเขากำกับมาถึงหนังพีเรียดในบรรยากาศสงครามโลกครั้งที่ 2 เรื่องนี้ หนังเข้าชิงถึง 8 รางวัลออสการ์ (รวมถึงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย) ซึ่งหนังตลกร้ายสุดบันเทิงสักเรื่องจะมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ชื่อชั้นและบารมีของผู้กำกับ Tarantino ส่วนของดีของตัวหนังเองก็คือ ทีมนักแสดงที่โชว์ฝีมือกันไม่ยั้ง หนึ่งในนั้นได้รางวัลออสการ์สมทบชายยอดเยี่ยมไปครองก็คือ Christoph Waltz ในปี 1941 Col. Hans Landa นำทหารนาซีเข้าตรวจค้นฟาร์มโคนมแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ซึ่งเชื่อว่าเป็นที่หลบภัยของชาวยิว เขาพบว่ามีครอบครัวชาวยิวหลบซ่อนอยู่ที่ห้องใต้ดิน จึงสั่งลูกน้องกราดยิงคนทั้งหมด มีเพียงเด็กหญิงคนหนึ่งหลบหนีไปได้ 3 ปีต่อมา ชาวยิวรวมตัวกันก่อตั้งกลุ่ม “แก๊งโคตรแสบ” นำโดยร้อยโท Aldo Raine เขารวมกลุ่มทหารอเมริกันเชื้อสายยิวออกแก้แค้นทหารนาซีอย่างโหดเหี้ยมจนเป็นที่เลื่องลือ โดยเฉพาะการใช้มีดกรีดหน้าผากเป็นเครื่องหมายสวัสดิกะเพื่อเป็นการประจาน
นักแสดง: Brad Pitt, Diane Kruger, Christoph Waltz, Eli Roth, Mélanie Laurent, Michael Fassbender, Daniel Brühl, Til Schweiger
ผู้กำกับ: Quentin Tarantino (Kill Bill, Once Upon a Time… In Hollywood, Pulp Fiction)
ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 70 /120 / 321 ล้านเหรียญฯ
อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 450
Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 8.3/10
บทบาทบนเวทีออสการ์:
ชนะ 1 สาขารางวัล (นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Christoph Waltz))
เข้าชิง 7 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
Schindler’s List (1993)
นอกจากจะเป็นหนังที่คว้ารางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 1993 ทำให้ Steven Spielberg คว้าออสการ์ตัวแรกในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และหนังเองก็คว้ารางวัลออสการ์ 7 สาขา จากการเข้าชิงทั้งหมด 12 สาขารางวัล ชนะรางวัลลูกโลกทองคำและบาฟตา ในสาขาใหญ่ ๆ เกือบทั้งหมดในปีนั้น หนังยังถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในโลกที่พูดถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยนาซี ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่สมจริงและสร้างความสะเทือนใจมากที่สุดมาจนถึงปัจจุบัน นี่คือหนังที่ Universal Studios ยอมควักเงิน 22 ล้านเหรียญฯ ทิ้งให้ Spielberg สร้าง เพราะคิดว่าหนังต้องเจ๊งแน่ที่คิดจะนำเสนอความหดหู่จากสงคราม แถมยังเป็นหนังขาวดำที่ยาว 3 ชั่วโมง ท้ายที่สุดหนังทำรายได้ทั่วโลกไป 322 ล้านเหรียญฯ Schindler’s List เล่าเรื่องราวของ Oskar Schindler นักธุรกิจผู้มีวาทศิลป์ในการโน้มน้าวใจคนเป็นเลิศ เขามองเห็นช่องทางสร้างกำไรจากการสร้างโรงงานผลิตเครื่องเคลือบ ภาชนะสำคัญในการทำสงคราม โดยใช้ประโยชน์จากชาวยิวที่ถูกตีตราว่าเป็นแรงงานราคาถูก เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลิต ในช่วงแรกเขากระหายชื่อเสียง เงินทอง และความสำเร็จ ถึงขนาดภาวนาให้สงครามยืดเยื้อยาวนาน เพื่อให้ธุรกิจเขาสามารถกอบโกยผลประโยชน์ต่อไปได้นานที่สุด เขายอมลงทุนจำนวนมากเพื่อติดสินบนนายทหารนาซีระดับสูง เพื่อให้ตัวเองผูกขาดแรงงานชาวยิวราคาถูกได้แต่เพียงผู้เดียว
นักแสดง: Liam Neeson, Ben Kingsley, Ralph Fiennes, Caroline Goodall, Jonathan Sagall, Embeth Davidtz
ผู้กำกับ: Steven Spielberg (Saving Private Ryan, Amistad, Munich)
ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 22 / 96 / 322 ล้านเหรียญฯ
อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 444
Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 97% / 8.9/10
บทบาทบนเวทีออสการ์:
ชนะ 7 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, ลำดับภาพยอดเยี่ยม, เพลงประกอบยอดเยี่ยม)
เข้าชิง 5 สาขารางวัล (นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Liam Neeson), นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (Ralph Fiennes), ออกแบบเครื่องแต่งกาย, แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)
1917 (2019)
หนังนำเสนอเรื่องตลอด 2 ชั่วโมงแบบภาพ Long-Take (ปลอม ๆ เพราะใช้การตัดต่อที่แนบเนียน) Deakins ใช้กล้อง Alexa Mini LF รุ่นใหม่ล่าสุดที่สนองตอบการถ่ายภาพที่ลื่นไหล ละเอียด และงดงามแบบที่ไม่เคยเห็นกันมาก่อนจากกล้องตัวไหน หนังบอกเล่าเรื่องราวของทหารชั้นผู้น้อย 2 นายที่ติดอยู่กลางสนามรบของสงครามโลกครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 6 เมษายน 1917 พวกเขาต้องนำจดหมายไปส่งให้ถึงนายพลเพื่อยับยั้งการเดินทัพเข้าไปติดกับดักของข้าศึก ระหว่างนั้นพวกเขาต้องผ่านพื้นที่น่าสะพรึง ภาพชวนเวทนา และสถาการณ์บีบคั้นต่าง ๆ มากมายจากสงคราม หนังได้ชื่อว่าเป็นหนังสงครามที่ให้ภาพสมจริงระดับเดียวกับ Saving Private Ryan (1997) ผลงานของผู้กำกับและตากล้องตัวท็อปของวงการ ผู้กำกับก็คือ Sam Mendes ผู้ชนะรางวัลออสการ์จากหนัง American Beauty และกำกับหนัง 007 ที่ทำรายได้มากที่สุดอย่าง Skyfall ส่วนฝั่งผู้กำกับภาพวัย 70 อย่าง Roger Deakins นั้น ก็เคยร่วมงานกับ Mendes มาตั้งแต่ Skyfall รวมถึงหนังฟอร์มยักษ์ที่ภาพสวยจับใจหลายเรื่องเช่น Blade Runner 2049, Sicario, In Time, True Grit และ No Country for Old Men หนังถูกวางตัวเป็นม้ามืดตัวเก็งออสการ์ แต่ก็พ่ายให้กับ Parasite คว้าไป 3 สาขาคือ ถ่ายภาพยอดเยี่ยม (Deakins) วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม และผสมเสียงยอดเยี่ยม
นักแสดง: Colin Firth, Benedict Cumberbatch, Dean-Charles Chapman, George MacKay, Daniel Mays, Pip Carter
ผู้กำกับ: Sam Mendes (American Beauty, Skyfall, Road to Perdition, Revolutionary Road)
ทุนสร้าง/รายรับในสหรัฐฯ/รายรับรวมทั่วโลก: 95 / 159 / 384
อันดับในตารางหนังทำเงินทั่วโลกตลอดกาล: 325
Rotten Tomatoes Score/iMDB Rating: 89% / 8.3/10
บทบาทบนเวทีออสการ์:
ชนะ 3 สาขารางวัล (ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)
เข้าชิง 7 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, แต่งหน้าและทำผมยอดเยี่ยม, องค์ประกอบศิลป์ยอดเยี่ยม, เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
[/read]